วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การผสมเทียม

การผสมเทียม
อาศัย หลักการผสมระหว่างเซลล์สืบพันธุ์ตัวผู้และตัวเมีย โดยไม่รอการผสมตามธรรมชาติ หากแต่ใช้วิธีรีดน้ำเชื้อจากตัวผู้ แล้วนำไปฉีดเข้าในอวัยวะสืบพันธุ์ของสัตว์ตัวเมียในช่วงเวลาที่ เป็นสัด คือระยะที่ไข่สุก ตัวอสุจิเข้าไปผสมกับไข่ทำให้เกิดการปฏิสนธิ สัตว์ตัวเมียก็จะตั้งท้อง
 
หลักการผสมเทียม
 
1.การรีดเก็บน้ำเชื้อ ทำได้โดยใช้เครื่องมือช่วยกระตุ้นให้ตัวผู้หลั่งน้ำเชื้อออกมา โดยต้องพิจารณาถึง อายุ ความสมบูรณ์ของตัวผู้ ระยะเวลาที่เหมาะสม และวิธีการซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของสัตว์ เช่น ไก่ สุกร โค และต้องฝึกให้พ่อพันธุ์เชื่องต่อการรีดน้ำเชื้อด้วยเช่นกัน
 2.การตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ เพื่อตรวจหาปริมาณของตัวอสุจิ และการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อดูความแข็งแรง อัตราตัวเป็นและตัวตาย
3.การละลายน้ำเชื้อ เป็น การเติมน้ำยาเลี้ยงเชื้อลงในน้ำเชื้อ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำเชื้อให้เพียงพอ ในการแบ่งฉีดให้กับตัวเมียหลาย ๆ ตัว น้ำยาเลียงเชื้อที่เติม เช่น ไข่แดง Sodium citrate ยาปฏิชีวนt
4.การเก็บรักษาน้ำเชื้อ มี 2 แบบคือ น้ำเชื้อสด หมายถึงน้ำเชื้อที่ละลายแล้ว และเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 4-5 องศาเซลเซียส จะอยู่ได้นานเป็นเดือน แต่ถ้าเก็บที่ อุณหภูมิ 15-20 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นานประมาณ 4 วัน อีกชนิดคือ ส่วนน้ำเชื้อแช่แข็ง หมายถึงน้ำเชื้อที่นำไปทำให้เย็นจนแข็ง แล้วนำไปเก็บไว้ในไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส สามารถ เก็บได้นานเป็นปี
 5.การฉีดน้ำเชื้อ สัตว์ ตัวเมียที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นแม่พันธุ์ ที่จะได้รับการฉีดน้ำเชื้อ จะต้องอยู่ในวัยที่ผสมพันธุ์ได้ การฉีดน้ำเชื้อ ต้องฉีดในระยะที่ตัวเมียเป็นสัด ซึ่งเป็นระยะไข่สุก สังเกตได้โดย สัตว์จะเบื่ออาหาร กระวนกระวาย ร้องบ่อย มีน้ำเมือกไหลที่อวัยวะสืบพันธุ์ และไล่ขี่ตัวอื่น หรือยอมให้ตัวอื่นขึ้นทับ
หรือ
การผสมเทียม              การ ผสมเทียม หมายถึง การทำให้เกิดการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิ ที่มนุษย์เป็นผู้ทำให้เกิดการปฏิสนธิ โดยนำน้ำเชื้ออสุจิจากสัตว์ตัวผู้ที่เป็นพ่อพันธุ์ไปผสมกับไข่ของสัตว์ตัว เมียที่เป็นแม่พันธุ์ โดยที่สัตว์ไม่ต้องมีการผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ 

             การผสมเทียมสามารถทำได้กับสัตว์ทั้งที่มีการปฏิสนธิภายนอกร่างกายของสัตว์ เช่น การผสมเทียมปลา และการปฏิสนธิภายในร่างกายของสัตว์ เช่น โค กระบือ สุกร แพะ แกะ
การผสมเทียมสัตว์ที่มีการปฏิสนธิภายในร่างกาย
       สัตว์ที่มีการปฏิสนธิในร่างกายของสัตว์ ที่นิยมการผสมเทียม ได้แก่ โค กระบือ สุกร แพะ แกะ มีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้ 

       1. การรีดน้ำเชื้อ เป็นการรีดน้ำเชื้ออสุจิจากสัตว์พ่อพันธุ์ที่ดี มีความแข็งแรงสมบูรณ์ และมีอายุพอเหมาะ โดยใช้เครื่องมือสำหรับรีดน้ำเชื้อโดยเฉพาะ

       2. การตรวจคุณภาพน้ำเชื้อ เป็นการตรวจสอบความสมบูรณ์ของน้ำเชื้อที่รีดได้ว่ามีปริมาณของตัวอสุจิมากพอ แก่การผสมเทียม และมีความแข็งแรงเพียงพอแก่การนำมาใช้หรือไม่

       3. การเก็บรักษาน้ำเชื้อ เป็น การเก็บรักษาน้ำเชื้อก่อนที่จะนำไปใช้ โดยจะมีการเติมอาหารลงในน้ำเชื้อเพื่อให้ตัวอสุจิได้ใช้เป็นอาหารตลอดช่วง ที่เก็บรักษาและเป็นการช่วยให้ปริมาณน้ำเชื้อมีมากขึ้น จะได้นำไปฉีดให้ตัวเมียได้หลาย ๆ ตัว หลังจากนั้นจะนำน้ำเชื้อที่เติมอาหารแล้วไปเก็บไว้ในอุณหภูมิต่ำ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ

        1. การเก็บน้ำเชื้อสด เป็นการเก็บน้ำเชื้อในสภาพของเหลวในที่อุณหภูมิ 4 - 5 องศาเซลเซียส จะช่วยให้น้ำน้ำเชื้อมีอายุอยู่ได้ประมาณหนึ่งเดือน แต่หากเก็บรักษาไว้ที่ อุณหภูมิ 15- 20 องศาเซียส จะเก็บรักษาได้ประมาณ 4 - 5 วัน เท่านั้น

        2. การเก็บรักษาน้ำเชื้อแบบแช่แข็ง เป็นการเก็บน้ำเชื้อโดยแช่ไว้ในไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ ต่ำ - 196 องศาเซียส จะทำให้น้ำเชื้ออยู่ในสภาพของแข็ง วิธีการเก็บแบบนี้จะช่วยให้สามารถเก็บไว้นานเป็นปี

        4. การฉีดเชื้อให้แม่พันธุ์ เมื่อจะผสมเทียมจะนำเชื้อสด หรือน้ำเชื้อแช่แข็งออกมาปรับสภาพให้อยู่ในสภาพปกติ แล้วใช้กระบอกฉีดยาดูดน้ำเชื้อที่เตรียมไว้ฉีดเข้าไปในมดลูกของแม่พันธุ์ เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ และตั้งท้อง
การผสมเทียมสัตว์ที่มีการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย
      การ ผสมเทียมในสัตว์ที่มีการปฏิสนธิภายนอก นิยมทำกับสัตว์น้ำพวกปลา กุ้ง และหอย สำหรับการผสมเทียมปลานั้น ก่อนที่จะรีดน้ำเชื้อและไข่จากปลาพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาผสมกัน จะต้องมีการเตรียมพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ให้พร้อมที่จะผสมพันธุ์เสียก่อน โดยการฉีด " ฮอร์โมน " เพื่อกระตุ้นให้พ่อพันธุ์ผลิตน้ำเชื้อที่สมบูรณ์ และกระตุ้นให้ไข่ของแม่พันธุ์สุกเต็มที่ ซึ่งฮอร์โมนที่ใช้เป็นฮอร์โมนที่ได้จากต่อมใต้สมองของปลา หรืออาจจะใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ก็ได้ การผสมเทียมปลานั้นมีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้
 
     1.  การรีดไข่จากแม่พันธุ์ เป็นการรีดไข่ออกจากท้องของปลาที่เป็นแม่พันธุ์
ลงในภาชนะรองรับ โดยนิยมฉีดฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองของปลาชนิดเดียวกัน
เข้าไปในตัวปลาแม่พันธุ์ก่อนเพื่อเร่งไข่ให้สุกเร็วขึ้น

     2. การรีดน้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ เป็นการรีดน้ำเชื้อออกมาจากปลาตัวผู้ที่เป็นพ่อพันธุ์ ใส่ลงในภาชนะที่มีไข่ปลาที่รีดไว้แล้ว

     3. การคนน้ำเชื้อให้ผสมกับไข่ เพื่อให้อสุจิเข้าผสมกับไข่อย่างทั่วถึงมักนิยมคนไข่ด้วยขนไก่อ่อน ๆ ให้ทั่วภาชนะแล้วทิ้งไว้สักครู่หนึ่งจึงถ่ายน้ำทิ้ง

     4. นำไข่ปลาที่ผสมแล้วไปฟัก เป็นการฟักไข่ที่ผสมแล้วให้เป็นลูกปลา โดยนำไข่ที่ผสมแล้วไปฟักในบ่อหรือภาชนะที่เตรียมไว้ เพื่อให้ฟักเป็นตัวอ่อนของลูกปลาต่อไป
ประโยชน์ของการผสมเทียมสัตว์
1. ประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะการรีดน้ำเชื้อแต่ละครั้ง สามารถละลายให้เจือจางและแบ่งไปผสมเทียมให้แม่พันธุ์จำนวนมาก
2. แก้ปัญหาข้อจำกัดต่างๆของการผสมพันธุ์ เช่น ระยะเวลาการผสมพันธุ์ ขนาดของพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์ที่แตกต่างกัน การผิดปกติในอวัยวะสืบพันธุ์ของแม่พันธุ์ เป็นต้น
3. ได้ลูกรุ่นใหม่ที่มีลักษณะที่ดี  ตามความต้องการ
4. ป้องกันโรคติดต่อ โรคระบาดได้และการติดเชื้อ

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การใช้งาน Microsoft Word 2010







การใช้งาน Microsoft Word 2010










โปรแกรม Microsoft Word 2010 เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการจัดทำเอกสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รายงาน จดหมาย ตลอดจนตารางข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก จึงเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน จนทำให้บริษัทผู้ผลิตได้มีการพัฒนาโปรแกรมให้มีความสามารถมากกว่าเดิมอีก และโปรแกรมใหม่นี้มีชื่อ ว่า Microsoft Word 2010





ส่วนประกอบของโปรแกรม Microsoft Word 2010



โปรแกรม Microsoft Word 2010 มีรูปร่างหน้าตา และส่วนประกอบของโปรแกรมที่เหมือน และแตกต่างจาก Microsoft Word 2007 ดังภาพด้านล่างนี้



1. แถบชื่อเรื่อง (Title Bar) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงชื่อโปรแกรม และชื่อไฟล์ที่ได้เปิดขึ้นมา
2. แถบเครื่องมือด่วน (Quick Access) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงคำสั่งที่ใช้งานบ่อย
3. ปุ่ม File (แฟ้ม) = เป็นส่วนที่ทำหน้าที่คล้ายกับปุ่ม Office ใน Microsoft Office 2007 คือ จัดเก็บคำสั่งที่ใช้ในการทำงานเอกสาร เช่น New Open Save และ Print เป็นต้น
4. ปุ่มควบคุม = เป็นส่วนที่ใช้ควบคุมการเปิด หรือปิดหน้าต่างโปรแกรม
5. ริบบอน (Ribbon) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงรายการคำสั่งต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำงานกับเอกสาร
6. พื้นที่การทำงาน = เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นภายในเอกสาร
7. แถบสถานะ (Status Bar) = เป็นส่วนที่ใช้แสดงจำนวนหน้ากระดาษ และจำนานตัวอักษรที่ใช้ในเอกสาร






การเพิ่ม และลบไอคอนคำสั่งในแถบเครื่องมือด่วนใน Microsoft Word 2010



บนแถบเครื่องมือด่วนนั้น เมื่อเราเปิดขึ้นมาครั้งแรก โปรแกรมจะแสดงคำสั่งบางคำสั่งมาให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งหากเราต้องการเพิ่ม หรือลบไอคอนคำสั่ง ก็สามารถทำได้ตามขึ้นตอนดังต่อไปนี้





การเพิ่มไอคอนคำสั่งในแถบเครื่องมือด่วน
1. คลิกปุ่มลูกศรบนแถบเครื่องมือเร่งด่วน แล้วเลือกคำสั่งที่ต้องการ จากภาพจะลองเพิ่มปุ่ม อีเมลเข้ามา






2. คำสั่งที่ได้เลือกก็จะแสดงขึ้นมาบนแถบเครื่องมือเร่งด่วน แล้วหล่ะครับง่ายมาก ๆ เลยเนอะ











การลบไอคอนคำสั่งในแถบเครื่องมือด่วน

1. คลิกเมาส์ขวาไอคอนที่ต้องการลบ แล้วเลือกคำสั่ง เอาออกจากแถบเครื่องมือด่วน (Remove from Quick Access)








การกำหนดขนาดกระดาษ ใน Word 2010





ปกติแล้วขนาดกระดาษที่เราเรียกขึ้นมาใช้งานนั้น โปรแกรม Microsoft Word 2010 จะกำหนดขนาดกระดาษให้เราไว้ที่ A4 โดยอัตโนมัติ ซึ่งเราสามารถกำหนดขนาดกระดาษใหม่ได้ โดยมีขั้นตอนดังนี้





1. คลิกแท็บ เค้าโครงหน้ากระดาษ (Page Layout)

2. คลิกเลือก ขนาด (Size) แล้วเลือกขนาดกระดาษตามที่เราต้องการ







กำหนดขนาดของกระดาษเอง

เราสามารถกำหนดขนาดของกระดาษเองได้ครับ หากว่าเราไม่พอใจกับที่โปรแกรมให้มา หรือไม่ตรงกับงานพิมพ์ของเรา โดยขั้นตอนมีดังนี้ครับ

1. คลิกแท็บ เค้าโครงหน้ากระดาษ (Page Layout)

2. คลิกปุ่ม ขนาด (Size) > ขนาดกระดาษเพิ่มเติม







3. ที่แท็บ กระดาษ เราสามารถกำหนด ความกว้าง และความสูง ได้ตามใจเราเลยหล่ะครับ




การตั้งค่าหน้ากระดาษแนวตั้ง และแนวนอน ใน Word 2010



การจัดวางหน้ากระดาษของเอกสาร สามารถทำได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน ซึ่งมีวิธีการตั้งค่าหน้ากระดาษ ดังนี้

1. คลิกแท็บ เค้าโครงหน้ากระดาษ (Page Layout)

2. คลิกเลือก การวางแนว (Orientation) แล้วเลือกแนวการจัดวางหน้ากระดาษตามที่เราต้องการ









เพียงเท่านี้เอกสารก็จะถูกจัดวางตามแนวหน้ากระดาษที่กำหนด



การกำหนดระยะขอบกระดาษ ใน Word 2010


การกำหนดระยะขอบกระดาษนั้น มีผลโดยตรงเมื่อสั่งพิมพ์หน้ากระดาษออกมา เนื่องจากระยะขอบกระดาษที่แคบจะไม่มีพื้นที่เหลือให้เข้าเล่มได้ ดังนั้นเราจึงควรมีการกำหนดระยะขอบกระดาษที่เหมาะสม ซึ่งการกำหนดระยะขอบกระดาษ สามารถทำได้ดังนี้


1. คลิกแท็บ เค้าโครงหน้ากระดาษ (Page Layout)

2. คลิกเลือก ระยะขอบ (Margin) แล้วเลือกระยะขอบที่ต้องการ








เอกสารจะถูกปรับเปลี่ยนระยะขอบกระดาษที่กำหนดแล้ว

การบันทึกเอกสาร ใน Word 2010


หลังจากที่เราพิมพ์งานแล้ว เราก็ย่อมมีการจัดเก็บเอกสารนั้นไว้สำหรับการใช้งานในครั้งต่อไปด้วย ซึ่งการบันทึกเอกสารนั้น ก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ซึ่งเราต้องเลือกบันทึกเอกสารให้เหมาะกับการนำไปใช้งานด้วย


การบันทึกเอกสารใหม่

1. คลิกปุ่ม แฟ้ม (File) > บันทึก (Save)



2. เลือกสถานที่จัดเก็บไฟล์เอกสาร

3. กำหนดชื่อไฟล์เอกสาร

4. คลิกปุ่ม บันทึก (Save)



การบันทึกเอกสารแบบสำเนา

การบันทึกเอกสารแบบสำเนา เป็นการบันทึกไฟล์เอกสารเพื่อป้องกันกรณีฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเปิดไฟล์เอกสาร หรือไฟล์สุญหาย เป็นต้น ซึ่งการบันทึกไฟล์ลักษณะนี้ทำได้โดย

1. คลิกปุ่ม แฟ้ม (File) > บันทึกเป็น (Save As)




2. เลือกสถานที่จัดเก็บไฟล์เอกสาร

3. กำหนดชื่อไฟล์เอกสาร

4. คลิกปุ่ม บันทึก (Save)






การบันทึกเอกสารให้ใช้ได้กับ Word 97-2003 ใน Word 2010


การบันทึกเอกสารแบบ Word 97-2003 นั้นเป็นการบันทึกไฟล์เอกสารเพื่อนำไปเปิดในโปรแกรม Microsoft Word เวอร์ชัน 97-2003 ซึ่งการบันทึกไฟล์ในลักษณะนี้ ทำได้ดังนี้


1. คลิกปุ่ม แฟ้ม (File) > บันทึกเป็น (Save As)




2. เลือกสถานที่จัดเก็บไฟล์เอกสาร

3. กำหนดชื่อไฟล์เอกสาร

4. กำหนดชนิดของไฟล์ให้เป็น Word 97-2003 Document




5. คลิกปุ่ม บันทึก (Save)




การกำหนดรูปแบบตัวอักษร ใน Word 2010


ในการสร้างเอกสารขึ้นมาแล้ว หลังจากที่ป้อนข้อมูลต่าง ๆ ลงไปแล้ว เพื่อให้เอกสารมีความสวยงาม และสมบูรณ์มากขึ้น ก็ควรจะมีการกำหนดรูปแบบของเอกสารให้ตรงกับความต้องการในการนำไปใช้งาน

การกำหนดรูปแบบตัวอักษร ก่อนการพิมพ์

การกำหนดรูปแบบตัวอักษรในเอกสารนั้น สามารถทำได้ทั้งก่อน และหลังพิมพ์ข้อความ ซึ่งแต่ละลักษณะมีดังนี้

1. คลิกเมาส์วางเคอร์เซอร์เพื่อเริ่มการพิมพ์

2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)




3. เลือกรูปแบบตัวอักษรที่ต้องการ




4. เมื่อพิมพ์ข้อความขึ้นมา รูปแบบตัวอักษรก็จะปรากฏเป็นไปตามที่กำหนด




การกำหนดรูปแบบตัวอักษร หลังการพิมพ์

1. คลิกเมาส์ซ้ายเลือกข้อความที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบตัวอัก

2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)

3. เลือกรูปแบบตัวอักษรที่่ต้องการ



4. ข้อความจะถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษรตามที่เลือก




การกำหนดลักษณะตัวอักษร ใน Word 2010



นอกจากจะสามารถกำหนดชนิดของรูปแบบตัวอักษรได้แล้ว ยังสามารถกำหนดลักษณะพิเศษให้กับตัวอักษรได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มความหนาให้กับข้อความ การเปลี่ยนข้อความให้เป็นตัวเอียง เป็นต้น

การเพิ่มความหนาให้กับข้อความ

1. เลือกข้อความที่ต้องการเพิ่มความหนาให้กับตัวอักษร

2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)

3. คลิกปุ่มที่เป็นอักษร B (Bold)



การปรับเปลี่ยนข้อความให้เป็นตัวเอียง

1. เลือกข้อความที่ต้องการปรับรูปแบบให้เป็นตัวเอียง

2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)

3. คลิกปุ่มที่มีลักษณะเป็นตัวอักษร I (Italic)




การขีดเส้นใต้ให้ข้อความ

1. เลือกข้อความที่ต้องการขีดเส้นใต้

2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)

3. คลิกปุ่ม U (Underline)





การกำหนดปรับขนาดตัวอักษร ใน Word 2010


ถ้าข้อความที่พิมพ์ลงไปในเอกสารมีขนาดเล็กหรือใหญ่จนเกินไป เราสามารถปรับเปลี่ยนขนาดของตัวอักษรได้ ด้วยขั้นตอนดังนี

การปรับขนาดตัวอักษร

1. เลือกข้อความที่ต้องการปรับขนาดตัวอักษร




2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)

3. กดที่ลูกศรลงมา แล้วเลือกขนาดตามต้องการ




เพียงเท่านี้ข้อความที่เราเลือก ก็จะถูกปรับขนาดตัวอักษรตามที่เรากำหนด


การปรับเปลี่ยนสีตัวอักษร ใน Word 2010


ถ้าต้องการพิมพ์ข้อความลงไปในเอกสารเพื่อความสวยงาม เราสามารถกำหนดสีให้ตัวอักษรได้ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้

การปรับเปลี่ยนสีตัวอักษร

1. เลือกข้อความที่ต้องการกำหนดสีตัวอักษร



2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)

3. คลิกปุ่มอักษร A (Font Color) ดังภาพแล้วเลือกสีของตัวอักษรที่ต้องการ



เพียงเท่านี้ข้อความที่เราเลือกนั้น ก็จะเปลี่ยนสีแล้วครับ


การใส่สีเน้นข้อความ ใน Word 2010


การพิมพ์ข้อความลงไปในเอกสารนั้น ถ้าต้องการเน้นข้อความใด ๆ เป็นพิเศษแล้ว เราสามารถใส่สีให้กับข้อความนั้นได้ ด้วยขั้นตอนดังนี้


วิธีการใส่สีเน้นข้อความ

1. เลือกข้อความที่่ต้องการใส่สี





2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)

3. คลิกเลือกปุ่ม สีเน้นข้อความ (Text Highlight Color) แล้วเลือกสีที่ต้องการใช้เน้นข้อความ




เพียงเท่านี้ข้อความที่เราเลือกก็จะปรากฏสีที่เน้นไว้ขึ้นมา


การสร้างเอกสารใหม่ ใน Microsoft Word 2010


ส่วนมากการทำงานอันดับแรกที่เราต้องทำในโปรแกรม Microsoft Word ก็คือ การสร้างเอกสารที่ตรงกับความต้องการขึ้นมาใช้งาน ซึ่งการสร้างเอกสารก็สามารถทำได้หลายวิธีดังขั้นตอนด้านล่างนี้

วิธีที่ 1 การสร้างเอกสารเปล่า

1. คลิกปุ่ม แฟ้ม (File) > สร้าง (New) > เอกสารเปล่า (Blank document)

2. คลิกปุ่ม สร้าง (Create)

3. หลังจากนั้นเอกสารใหม่ก็จะถูกสร้างขึ้นมา




ตัวอย่างการสร้างเอกสารเปล่า


วิธีที่ 2 การสร้างเอกสารจากแม่แบบ

เป็นการสร้างเอกสารจากแม่แบบสำเร็จรูปที่มีอยู่ในโปรแกรม ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

1. คลิกปุ่ม แฟ้ม (File) > สร้าง (New) > ตัวอย่างแม่แบบ (Sample templates)





2. เลือกแม่แบบที่เราต้องการ

3. คลิกปุ่ม สร้าง (Create)



เอกสารใหม่จะถูกสร้างขึ้นมาตามแม่แบบที่เลือก



การใส่ลำดับตัวเลขให้ข้อความ ใน Word 2010


หากในเอกสารมีแต่ข้อความที่เป็นตัวอักษร ก็อาจจะทำให้ยากต่อการทำความเข้าใจ และยากที่จะจัดการกับข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งเราสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างง่าย ๆ ด้วยการจัดลำดับตัวเลขให้กับข้อความด้วยวิธีการดังต่อไปนี้


วิธีการจัดลำดับตัวเลขให้ข้อความ

1. คลิกหน้าข้อความแรกที่จะจัดลำดับ

2. คลิกแท็บ หน้าแรก (Home)




3. คลิกปุ่ม ลำดับเลข (Numbering) แล้วเลือกรูปแบบลำดับเลขที่ต้องการ




เพียงเท่านี้ลำดับเลขที่เลือกก็จะแสดงขึ้นมาแล้ว

การจัดลำดับตัวเลขให้ข้อความ




การจัดตำแหน่งข้อความ ใน Word 2010


ในการจัดวางข้อความลงไปในเอกสาร ควรจัดวางข้อความให้มีความน่าสนใจ และสอดคล้องกับชนิดของเอกสารนั้น ๆ ด้วย ซึ่งการจัดวางข้อความลงไปในเอกสารนั้น ก็มีอยู่หลายลักษณะด้วยกัน ได้แก่



การจัดตำแหน่งข้อความแบบกึ่งกลาง

เป็นการกำหนดให้ข้อความถูกจัดวางอยู่ตรงกึ่งกลางของหน้าเอกสาร ซึ่งการจัดวางข้อความในลักษณะนี้ทำได้โดย

1. เลือกข้อความที่ต้องการ

2. คลิกปุ่ม กึ่งกลาง (Center) หรือกดคีย์ลัด Ctrl+E บนคีย์บอร์ดก็ได้





การจัดวางตำแหน่งข้อความแบบชิดทางซ้าย

เป็นการกำหนดให้ข้อความถูกจัดวางชิดทางด้านซ้ายมือของหน้าเอกสาร ซึ่งการจัดวางข้อความในลักษณะนี้ทำได้โดย

1. เลือกข้อความที่ต้องการ

2. คลิกปุ่ม จัดแนวข้อความชิดซ้าย (Align Text Left) หรือกดคีย์ลัด Ctrl+L บนคีย์บอร์ดก็ได้



การจัดตำแหน่งข้อความแบบชิดทางขวา

เป็นการกำหนดให้ข้อความถูกจัดวางชิดทางด้านขวามือของหน้าเอกสาร ซึ่งการจัดวางข้อความในลักษณะนี้ทำได้โดย

1. เลือกข้อความที่ต้องการ

2. คลิกปุ่ม จัดแนวข้อความชิดขวา (Align Text Right) หรือกดคีย์ลัด Ctrl+R บนคีย์บอร์ดก็ได้



การจัดวางข้อความแบบเต็มแนว

เป็นการกำหนดให้ข้อความถูกขยายจัดวางให้เต็มหน้ากระดาษ โดยที่ไม่มีการกำหนดระยะห่างระหว่างคำ ทำให้ในแต่ละประโยคมีช่องว่างระหว่างคำค่อนข้างมาก การจัดวางข้อความในลักษณะนี้ทำได้โดย

1. เลือกข้อความที่ต้องการ

2. คลิกปุ่ม เต็มแนว (Justify) หรือกดคีย์ลัด Ctrl+J บนคีย์บอร์ดก็ได้



การจัดวางตำแหน่งข้อความแบบกระจายเต็มแนว

เป็นการกำหนดให้ข้อความถูกขยายจัดวางให้เต็มหน้ากระดาษ คล้ายกับการจัดวางข้อความแบบเต็มแนว แต่จะมีการจัดระยะหาระหว่างคำให้สวยงามมากขึ้น การจัดวางข้อความแบบนี้ ทำได้โดย

1. เลือกข้อความที่ต้องการ

2. คลิกปุ่ม กระจาย (Distributed)




การจัดระยะห่างระหว่างบรรทัด ใน Word 2010


หากเราพบว่า ข้อความแต่ละบรรทัดมีระยะห่างที่ไม่สวยงาม หรือห่างกันมากจนเกินไป เราก็สามารถที่จะจัดระยะห่างระหว่างบรรทัดได้ทั้งทำให้ห่างมากกว่าเดิม หรือจะให้มีระยะห่างเป็นปกติเหมือนใน Word 2003 ได้ด้วยวิธีการ ดังต่อไปน



วิธีการจัดระยะห่างให้เหมือน Word 2003

1. เลือกข้อความที่ต้องกร

2. คลิกปุ่ม ระยะห่างบรรทัดและย่อหน้า (Line and paragraph spacing) แล้วเลือก ตัวเลือกระยะห่างบรรทัด...




3. คลิกที่ช่องสี่เหลี่ยมคำว่า ไม่เพิ่มช่องว่างระหว่างย่อหน้าที่มีลักษณะเดียวกัน





วิธีการจัดระยะห่างระหว่างบรรทัดให้มากกว่าปกติ

1. เลือกข้อความที่ต้องการ

2. คลิกปุ่ม ระยะห่างบรรทัดและย่อหน้า (Line and paragraph spacing) แล้วเลือกระยะห่างระหว่างบรรทัดที่ต้องการ





การเรียกแสดงแถบไม้บรรทัด ใน Word 2010


หากเราต้องการให้แสดงแถบไม้บรรทัดขึ้นมาในหน้าเอกสาร เพื่อให้สะดวกต่อการวัดค่าต่าง ๆ ก็สามารถทำได้โดย


เรียกแสดงแถบไม้บรรทัด

1. คลิกแท็บ มุมมอง (View)

2. คลิกเช็คบ็อกซ์ ไม้บรรทัด (Ruler)



3. แถบไม้บรรทัดก็จะแสดงขึ้นมา





การจัดระยะย่อหน้า ใน Word 2010





การจัดรูปแบบการเริ่มต้นของย่อหน้าให้สวยงาม สามารถทำได้ดังนี้





การจัดระยะย่อหน้า

1. วางเคอร์เซอร์ไว้หน้าข้อความที่ต้องการจัดระยะย่อหน้า







2. คลิกลากปรับไอคอน เยื้องบรรทัดแรก (First Line Indent) เพื่อจัดระยะย่อหน้า







3. จะได้ระยะย่อหน้าตามที่กำหนด





ข่าวเชลซี